น้องๆ คงทราบดีว่า การสอบ IELTS เป็นการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่มีชื่อเสียงและจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการสมัครเรียนต่อต่างประเทศ โดยเฉพาะการไปเรียนต่อที่อังกฤษ ผลคะแนน IELTS ได้รับการยอมรับจากกว่า 10,000 องค์กรใน 140 ประเทศทั่วโลก รวมไปถึงโรงเรียน มหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐบาล นายจ้างสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และองค์กรวิชาชีพอื่น ๆ อีกมากมาย
และหลังจากที่คราวก่อน SI-UK ได้นำเอาคำแนะนำดี ๆ และทิปส์เด็ด ๆ ในการเตรียมสอบสองพาร์ทแรก นั่นคือ การฟังและการอ่าน ไปแล้วนั้น วันนี้เราจะมาต่อกันที่สองพาร์ทสุดท้าย นั่นคือการเขียนและการอ่าน นั่นเอง ส่วนจะยากหรือง่ายอย่างไร ไปดูกันเลยกว่า
การเตรียมความพร้อมการสอบ IELTS Writing
ข้อสอบ IELTS ในส่วนของการเขียน จะแบ่งออกเป็นสองแบบ คือ Academic Test และ General Test แล้วแต่ว่าน้อง ๆ เลือกสอบแบบไหน ถ้าเป็น Academic ส่วนใหญ่คือจะต้องอธิบายแผนภูมิ กราฟหรือแผนภาพ นอกจากนี้ยังให้เขียนเรียงความที่แสดงถึงมุมมองหรือข้อโต้แย้งของเรา ส่วนในการสอบแบบ General หรือทั่วไป ส่วนใหญ่คือจะมีสถานการณ์ให้มา จากนั้นเราต้องเขียนจดหมายชี้แจงสถานการณ์ พร้อมกับเรียงความ
การเตรียมสอบ IELTS ในส่วนของ Writing
1. อ่านตัวอย่างเรียงความหรือ Essay ให้เยอะ ๆ: หาอ่านบทความ ความเรียง หรือที่เรียกว่า Essay ตัวอย่าง ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมถึงฝึกวิเคราะห์เรียงความอย่างรอบคอบ และศึกษาการเขียนประเด็นที่เกี่ยวข้องมีบทบาทสำคัญในโครงสร้างของเรียงความ โดยมีข้อควรพิจารณา เช่น
- ย่อหน้าแรกของเรียงความ ได้ขยาย Topic หรือทำให้หัวข้อของเรียงความชัดเจนขึ้นหรือเปล่า
- พาดหัว (headline) ได้สะท้อนประเด็นหลักของเรียงความ หรือไม่
- พิจารณาว่า นักเขียนได้เขียนใจความหรือประเด็นหลักของเรื่องออกมาอย่างไร
2. ฝึกเขียนเรียงความบ่อย ๆ: การลงมือฝึกฝนการเขียนเรียงความ เป็นเรื่องสำคัญมากในการเตรียมตัวสอบ โดยมีทิปส์ที่น้องๆ ควรจำให้ขึ้นใจ ได้แก่
- เขียนประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับหัวข้อเรื่องที่ได้รับ เท่าที่นึกได้ ออกมาเป็นข้อๆ
- จากนั้นให้ตัดประเด็นที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องหรือไม่แน่ใจออก เหลือไว้แต่ประเด็นที่ตอบโจทย์จริงๆ
- กำหนดทิศทางของเรียงความว่า จะเป็นไปในรูปแบบใด ให้ชัดเจน โดยการวางโครงเรื่องที่จะเขียน ได้แก่ คำนำ เนื้อเรื่อง และบทสรุป
- ในการแสดงความคิดเห็นหรือข้อโต้แย้ง (argument) ต่อเรียงความหรือบทความที่ได้อ่าน สิ่งสำคัญคือให้มุ่งไปที่ประเด็นหลักที่เราต้องการจะโต้แย้ง และไม่ควรแสดงมุมมองเกินกว่าหนึ่งมุมมอง เพราะอาจจะทำให้ผู้อ่านสับสน และเป็นผลเสียต่อการให้คะแนนได้
3. ฝึกเรื่องไวยกรณ์ หรือ Grammar อย่าให้ขาด: การฝึกฝนไวยากรณ์จะช่วยให้การเขียนเรียงความและบทสรุปของน้องๆ ปราศจากข้อความผิดพลาด หรือมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุด และเนื่องจากเป็นการสอบภาษาอังกฤษ ดังนั้นไวยากรณ์จึงเป็นส่วนสำคัญที่น้องๆ ควรจะฝึกฝนให้มากๆ ทั้งนี้ เรียงความของน้องๆ จะดูดีขึ้นมาทันทีในสายตาของคณะกรรมการผู้ตรวจกระดาษคำตอบ หากเขียนได้ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ทุกประการ
Tips ในการทำข้อสอบ Writing
- แนะนำให้ทำข้อสอบส่วนที่สอง หรือ Task 2 ก่อน เพราะป็นส่วนที่คะแนนมากกว่า และง่ายกว่า
- ควรทำข้อสอบทั้งสอง Task ให้ทันเวลาในการฝึกทำข้อสอบ เพื่อจะได้ทำความคุ้นเคยกับการทำข้อสอบในวันจริง
- หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาพูด หรือ Informal Language ให้มากที่สุด ยกตัวอย่างที่ไม่ควรใช้ในการเขียนก็อย่างเช่น คำย่อ ใช้สรรพนามบุรุษที่ 1 หรือ 2 สรรพนามแสดงความเป็นเจ้าของ หรือเขียนอะไรเรื่อยเปื่อยที่นอกเหนือไปจากเนื้อหา
- น้องๆ ควรขีดเส้นใต้ คำสำคัญๆ ที่เป็น Key ของบทความที่ได้อ่าน เพื่อจะได้จับใจความได้ว่า ควรเขียนคำตอบลงในข้อสอบอย่างไร
- ในการเขียนคำตอบ ควรยึดเอา Topic หรือหัวข้อเป็นหลักในการตอบคำถาม และไม่เขียนคำตอบหรือข้อความที่ไม่จำเป็น
การเตรียมความพร้อมการสอบ – IELTS Speaking
หนึ่งในพาร์ทที่น่าสนใจที่สุดของการทดสอบ IELTS คือส่วนของการสอบพูดหรือ Speaking ซึ่งน้องๆ จะต้องสอบแบบตัวต่อตัวกับเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมการสอบ โดยการทดสอบนี้จะเป็นการวิเคราะห์ความสามารถในการพูดและสนทนาภาษาอังกฤษ โดยใช้เวลาอยู่ระหว่าง 11 ถึง 14 นาที โดยแบ่งการทดสอบออกเป็น 3 part
Part 1: ในส่วนนี้ จะเป็นการถามคำถามทั่วไป เช่น เรื่องความสนใจส่วนบุคคล พื้นหลังทางวิชาการ ครอบครัวและอื่นๆ Tips สำหรับการทดสอบในพาร์ทนี้ ได้แก่
- เพิ่มความน่าสนใจในการตอบคำถาม: การตอบคำถามอย่างตรงประเด็นนั้นเป็นเรื่องที่ดี แต่จะน่าสนใจกว่านี้ หากน้องๆ จะลองหยอดข้อเท็จจริงเพื่อเพื่มความน่าสนใจลงไปในคำตอบด้วย เช่น หากถูกถามว่า ‘where are you from?’ แทนที่จะตอบคำถามแบบทื่อๆ น้องๆ ก็อาจจะใส่รายละเอียดของเมืองที่เราอยู่อาศัยลงไปด้วยได้ เช่น อยู้ส่วนไหนของประเทศ มีชื่อเสียงในด้านไหน เป็นต้น
- ต้องตื่นตัวและตอบสนองอย่างทันท่วงที: ไม่ว่าคำถามจะยากขนาดไหน แต่ผู้เข้าสอบควรต้องตอบสนองต่อคำถามทันที และแสดงความกระตือร้นตลอดระยะเวลาในการสอบ
Part 2: สำหรับพาร์ทนี้ น้อง ๆ จะได้รับหัวข้อ (Topic) และขอให้พูดหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวข้อนั้น ๆ อย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 2-3 นาที ผู้ทดสอบจะพิจารณาทั้งทักษะการพูด และความรู้ของผู้สอบเป็นสำคัญ ดังนั้นน้อง ๆ จะต้อง
- คิดและเรียบเรียงไอเดียก่อนพูด: จากข้อที่แล้ว แม้มันจะเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรจะตอบสนองต่อคำถามโดยทันที แต่การหยุดและเรียบเรียงความคิดในหัวสักนิดหน่อยก็ยังมีความสำคัญ เพื่อช่วยกลั่นกรองให้สิ่งที่เราต้องการจะสื่อสารออกไปชัดเจนขึ้น ตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น
- มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่ถูกถาม: เป็นสิ่งสำคัญ ที่น้อง ๆ ควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เรากำลังพูดอยู่ รวมทั้งสามารถสื่อสารประเด็นสำคัญของหัวข้อที่ได้รับอย่างถูกต้อง
Part 3: ในส่วนสุดท้ายนี้ จะเป็นการวัดทักษะในการโต้แย้งหรือให้เหตุผล โดยผู้สัมภาษณ์จะถามคำถามเกี่ยวกับ Topic จากส่วนที่แล้ว โดยนำเอาคำตอบ ความคิดเห็นหรือข้อโต้แย้งของเรามาถามต่อยอด เพื่อให้เราลงรายละเอียดหรือเจาะจงในส่วนที่เราได้ให้ความเห็นไป
- จำความคิดเห็น หรือข้อโต้แย้งของตัวเองให้ได้: อย่างที่บอกไปว่า ผู้สัมภาษณ์จะนำเอาความเห็นหรือข้อโต้แย้งของน้อง ๆ จากในพาร์ทที่แล้วมาถามต่อ เพื่อให้เราลงรายละเอียด ดังนั้นควรต้องจำให้แม่นว่าเราให้ความเห็นไปว่าอย่างไรบ้าง ไม่ควรแสดงให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าเรากำลังตกใจ อึ้ง หรืองงกับคำถามเด็ดขาด
- ไม่พูดจาสับสน: คำตอบของน้อง ๆ ควรตรงประเด็น ไม่สับสน หรือสะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นใจ เป็นสิ่งสำคัญที่ควรแสดงให้ผู้สัมภาษณ์เห็นความตั้งใจและความกระตือรือร้นที่จะตอบคำถามทุกคำถาม
เทคนิคในการทำข้อสอบ IELTS Speaking
- นี่เป็นพาร์ทที่น้อง ๆ จะได้ใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนาจริง ๆ ดังนั้นควรพูดให้คล่องแคล่วและมั่นใจที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้
- ลองฝึกพูดคุยหรือซ้อมสัมภาษณ์ที่บ้าน โดยบันทึกเสียงหรือวิดิโอเก็บไว้เพื่อนำมาฟัง เพื่อปรับปรุงและแก้ไข เช่น เรื่องของไวยกรณ์ หรือการออกเสียง เป็นต้น
- ไม่แนะนำให้ท่องจำหรือเตรียมคำตอบล่วงหน้า เพราะผู้ดำเนินการสอบอาจถามเกี่ยวกับอะไรก็ได้
- วิธีที่ดีที่สุดในการตอบคำถามคือ ตอบไปตามความคิดเห็นของเราจริง ๆ ซึ่งจะทำให้เราใช้ภาษาได้คล่องแคล่วกว่าการนึกคำตอบที่อยู่ไกลตัว
- จำไว้ว่า ในการสัมภาษณ์ ไม่มีคำตอบใดผิดหรือถูก แต่เป็นเรื่องของการให้เหตุผลสนับสนุน หรือความสามารถในการใช้ภาษา ที่สำคัญคือไอเดียหรือความคิดเห็นของเราควรชัดเจน ไม่สร้างความสับสน
- หลีกเลี่ยงในการใช้ Filler Words เช่น ‘are’ ‘um’, ‘uh’, ‘er’, ‘ah’, ‘like’, ‘okay’, ‘right’, หรือ ‘you know’ อันจะแสดงถึงความลังเล ไม่แน่ใจ ในการแสดงความคิดเห็น
สนใจไปเรียนต่อที่ UK
นอกจากนี้ น้อง ๆ ที่สนใจจะสมัครเรียนต่ออังกฤษ หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร ก็สามารถ ลงทะเบียนเพื่อขอรับคำปรึกษาจากพี่ ๆ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อของ SI-UK ได้ฟรี! ตั้งแต่วันนี้ค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
Tips เตรียมสอบ IELTS พาร์ท Listening & Reading
IELTS tips: ข้อผิดพลาดง่ายๆในการเขียน Writing ที่คุณสามารถแก้ไขได้ทันที
Take the first step towards studying abroad!
ความประทับใจ นักเรียนของเรา
Priyal
On working with StudyIn counsellors
Ananya
เธอจะมาเล่าประสบการณ์ที่มีต่องาน StudyIn university fair
Anoop
เขาจะพูดถึงสิ่งที่ StudyIn ได้รับก่อนที่จะไปเรียนต่อ
Mariyah
On her StudyIn language prep classes
Navdisha
เธอจะมาเล่าถึง StudyIn ช่วยเลือกมหาวิทยาลัยและหลักสูตรที่ใช่อย่างไร
Nishtha
เธอจะมาเล่าถึงประสบการณ์ขอรับคำปรึกษาแบบตัวต่อกับพี่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของ StudyIn
Shivani
เขาจะมาเล่าถึงได้รับการได้รับทุนการศึกษา 2 ทุนผ่าน StudyIn
Tushita
เขาจะมาเล่าถึงการมีที่ปรึกษาส่วนตัวจาก StudyIn