หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่าหลักสูตร Master of Business Administration (MBA) และ Master in Management (MiM) มีความแตกต่างกันอย่างไรและเราควรเลือกเรียนต่ออย่างไหนกันแน่เพื่อตอบโจทย์เส้นทางอาชีพของตัวเอง เนื่องจากเนื้อหาของคอร์สเรียนต้องบอกเลยว่ามีเนื้อหาที่ค่อนข้างจะเหมือนกัน เรามาดูต่อกันดีกว่า

MBA และ MiM เรียนเกี่ยวกับอะไร?

เนื้อหาหรือคอร์สเรียนของ 2 หลักสูตรนี้มีเนื้อหาที่เรียกได้ว่าคล้ายกันมากทีเดียว โดยจะมุ่งเน้นในการที่จะครอบคลุมเนื้อหาของการเรียนรู้ด้านธุรกิจในภาพกว้าง ได้แก่ การเงิน การวิเคราะห์ธุรกิจ การบัญชี การตลาด การวางแผนกลยุทธ์ เศรษฐศาสตร์จุลภาค/มหภาค ไปจนถึงการบริหารทรัพยากรบุคคล และหลังจากนั้นเราจะเลือกสาขาที่ตรงกับความสนใจของเราต่อไป
โดยหลักสูตรส่วนมาก 80% จะมุ่งเน้นไปทางการวิเคราะห์กรณีศึกษา โดยจะมีการนั่งปรึกษาหารือระหว่างนักเรียนภาพในห้องเรียน และอีก 20% จะเป็นการนั่งฟังบรรยายจากอาจารย์ผู้สอน

ค่าเทอม

โดยปกติค่าเทอมของหลักสูตร MBA จะสูงกว่าหลักสูตร MiM หากอ้างอิงจาก University of Liverpool ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่เปิดสอนทั้งสองหลักสูตรนี้ โดยหลักสูตร MiM จะอยู่ที่ 26,000 ปอนด์ ในขณะเดียวกันหลักสูตร MBA จะอยู่ที่ 31,000 ปอนด์และยิ่งถ้าหากเป็นมหาวิทยาลัยที่ดังเฉพาะด้านธุรกิจอย่าง London Business School ค่าเทอมนั้นก็จะยิ่งฉีกออกไปอีกมากโดยค่าเทอมหลักสูตร MiM สำหรับนักศึกษาต่างชาติจะอยู่ที่ 44,900 ปอนด์ และหลักสูตร MBA สำหรับนักศึกษาต่างชาติจะอยู่ที่ 109,700 ปอนด์ ซึ่งส่วนต่างนี้ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงพอสมควร ดังนั้นงบประมาณสำหรับการศึกษาต่อจึงถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างเช่นกัน

เกณฑ์การสมัครที่แตกต่างกัน

หลักสูตร MBA นั้นจะมีเกณฑ์ในการสมัครที่แตกต่างจากหลักสูตรอื่น ในการเรียนหลักสูตร MBA ในสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่แล้วผู้สมัครจะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป

ในขณะเดียวกันหลักสูตร MiM เป็นหลักสูตรที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่พึ่งจบใหม่หรือมีประสบการณ์ที่ยังน้อยแต่อยากเรียนต่อในหลักสูตรธุรกิจที่มีความครอบคลุม ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่สมัครเรียนจะมีประสบการณ์การทำงานที่ 0 – 2 ปี

โอกาสในเส้นทางอาชีพ

แน่นอนว่าแต่ละคนในตอนนี้ก็จะมีช่วงของการทำงานที่แตกต่างกัน หากน้อง ๆ ที่จบใหม่จากปริญญาตรีมาแล้วยังอยากเรียนต่อทันทีก็สามารถไปเรียนในหลักสูตร MiM ต่อไปได้ในขณะเดียวกันสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อนหน้านี้แล้วและอยากเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับสายธุรกิจเพื่อจุดมุ่งหมายในความก้าวหน้าของตน การเรียนหลักสูตร MBA ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ถือว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง

แล้วเราควรเลือกเรียนอย่างไหน?

โดยทั่วไปเเล้วการตัดสินใจเลือกเรียนหลักสูตรไหนก็อยู่ที่วัตถุประสงค์และเส้นทางอาชีพของแต่ละคนเพราะทุกคนต่างก็มีเป้าหมายไม่เหมือนกัน

MBA

  • เหมาะกับผู้ที่มาจากสายอาชีพอื่นเเละอยากมาเรียนรู้ในวงการธุรกิจเพื่อไปต่อยอดในอาชีพของตัวเอง เช่นน้องจบมาจากสายเภสัชกรและอยากเรียนรู้ทักษะเพื่อไปเป็นผู้จัดการด้านการกระจายขายยาหรือมีความรู้ในการทำการตลาดก็สามารถเรียนหลักสูตร MBA เพื่อเพิ่มพูนทักษะต่อไป หรือไม่ก็คนที่เรียนจบสายธุรกิจโดยตรงอย่างสายการเงินและไปเรียนต่อ MBA ก็จะได้ความรู้จากเเวดวงจากสายการตลาดหรือการจัดการได้เช่นกัน
  • เหมาะกับผู้ที่อยาก Career Break หรือพักงานเพื่อไปเรียนรู้ทักษะและเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจที่กว้างขึ้น เพื่อให้เห็นภาพองค์รวมของอุสาหกรรมต่าง ๆ 
  • เหมาะแก่การเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อนำไปเลื่อนขั้นหรือตำเเหน่งตามสายงานที่เลือก แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถเราอีกทีหนึ่งด้วย
  • เหมาะสำหรับการที่ต้องการเป็นที่จับตาของแบรนด์บริษัทยักษ์ใหญ่เพราะส่วนมากผู้ว่ามักจะคุ้นกับหลักสูตร MBA ที่มีมาอย่างยาวนานจึงค่อนข้างจะเป็นที่สนใจสำหรับนายจ้าง
  • ในช่วงของการเรียน เราจะได้มีโอกาสได้คอนเน็คชั่นและรับฟังประสบการณ์จากผู้ที่มีความชำนาญจากหลากหลายอุสาหกรรม ซึ่งเป็นโอกาสและข้อได้เปรียบที่ดีที่จะได้รับจากการเรียนในหลักสูตรนี้

MiM 

  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดเนื่องจากหากจะต้องเรียน MBA แล้วค่าใช้จ่ายถือว่าสูงกว่าพอสมควร
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานและอยากได้ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจในวงกว้าง
  • การได้รับการจ้างงานจากบริษัทก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดีในการเริ่มต้นอาชีพที่อยู่ในระดับ Entry-Level และ Mid- Level 
  • ระยะเวลาของการเรียนจะน้อยกว่าการเรียน MBA ซึ่งการเรียนหลักสูตร MiM จะใช้เวลา 12 เดือน แต่การเรียน MBA จะใช้เวลา 12 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับคอร์สของเเต่ละมหาวิทยาลัยอีกที

Study in the UK

สำหรับน้อง ๆ ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียนต่ออังกฤษ เช่น หลักสูตร คุณสมบัติ และขั้นตอนการสมัครเรียนที่ มหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศอังกฤษ สามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของ SI-UK ฟรี! ได้ตั้งแต่วันนี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ